(Translated by https://www.hiragana.jp/ )
พจนานุกรมไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒
COLLECTED BY
Organization:
Alexa Crawls
Starting in 1996,
Alexa Internet has been donating their crawl data to the Internet Archive. Flowing in every day, these data are added to the
Wayback Machine after an embargo period.
this data is currently not publicly accessible.
The Wayback Machine - https://web.archive.org/web/20090212162306/http://rirs3.royin.go.th:80/wordsymbol.html
ค. เครื่องหมายต่าง ๆ
การใช้เครื่องหมายต่าง ๆ มีหลักเกณฑ์ดังนี้
๑. เครื่องหมายจุลภาค ( , )
ก. ใช้คั่นบทนิยามแต่ละบทที่มีความหมายคล้าย ๆ กัน หรือทำนองเดียวกัน เช่น กระ
ตือรือร้น ก. รีบร้อน, เร่งรีบ, ขมีขมัน, มีใจฝักใฝ่เร่งร้อน. หรือคั่นหลังบทนิยามก่อนหน้าคำบอกไวพจน์
ของคำตั้ง เช่น เข้าโกศ ก. บรรจุศพลงในโกศ, ลงโกศ ก็ว่า. ในกรณีที่คำไวพจน์อยู่หลังบทนิยามซึ่ง
มีเครื่องหมายอัฒภาคคั่น หมายความว่าคำไวพจน์นั้นใช้กับความหมายของบทนิยามที่อยู่ข้างหลังเครื่อง
หมายอัฒภาคเท่านั้น เช่น ไข่ข้าว น. ไข่ที่ฟักไม่เป็นตัว ต้มแล้วแข็งและเหนียวผิดปรกติ; ไข่ปอกเสียบ
ไม้ปักไว้บนยอดบายศรี, ไข่ขวัญ ก็เรียก. (ดู ขวัญ).
ข. ใช้คั่นหลังบทนิยามสุดท้าย ก่อนหน้าตัวอย่างที่ยกมาประกอบ เพื่อแสดงว่าตัวอย่าง
ที่ยกมาประกอบนั้นเป็นตัวอย่างของบทนิยามทุกบทที่อยู่ข้างหน้า เช่น ขวย ก. กระดาก, อาย, เช่น แก้
ขวย ขวยใจ. ถ้าไม่มีเครื่องหมายจุลภาคหน้าตัวอย่างที่ยกมาประกอบ แสดงว่าตัวอย่างนั้นเป็นตัวอย่าง
ของบทนิยามที่อยู่ติดข้างหน้าเท่านั้น เช่น ขีดคั่น ก. ขีดกั้นไว้, กำหนดไว้โดยเฉพาะ เช่น อ่านหนังสือไป
ถึงไหนแล้ว ให้ทำเครื่องหมายขีดคั่นไว้.
ค. ใช้คั่นหลังบทนิยามสุดท้ายก่อนข้อความที่เป็นรายละเอียดเพิ่มเติมของคำตั้ง เช่น
ถลอก [ถะหฺลอก] ก. ลอกออกไป, ปอกออกไป, เปิดออกไป, (มักใช้แก่สิ่งที่มีผิว) เช่น หนังถลอก สี
ถลอก.
ง. ใช้คั่นอักษรย่อบอกที่มาของคำ โดยเฉพาะคำที่มาจากภาษาบาลีและภาษาสันสกฤต
ซึ่งมีรูปคำตรงกันกับคำตั้ง เช่น ทวิ มีวงเล็บบอกที่มาของคำท้ายบทนิยามดังนี้ (ป., ส.)
๒. เครื่องหมายอัฒภาค ( ; )
ก. ใช้คั่นบทนิยามแต่ละบทที่มีความหมายหลายอย่าง และความหมายเหล่านั้นแตกต่าง
กันแต่ยังมีนัยเนื่องกับความหมายเดิม เช่น กิ่ง น. ส่วนที่แยกออกจากต้น, แขนง; ใช้เรียกส่วนย่อยที่แยก
ออกไปจากส่วนใหญ่ แต่ยังขึ้นอยู่กับส่วนใหญ่ เช่น กิ่งอำเภอ กิ่งสถานีตำรวจ; ลักษณนามเรียกงาช้างว่า
กิ่ง; ชื่อเรือชนิดหนึ่งในกระบวนพยุหยาตรา.
ข. ใช้คั่นบทนิยามของคำที่มีความหมายไม่สัมพันธ์กัน เช่น เจริญ [จะเริน] ก. เติบโต,
งอกงาม, ทำให้งอกงาม, เช่น เจริญทางพระราชไมตรี เจริญสัมพันธไมตรี, มากขึ้น; ทิ้ง เช่น เจริญยา,
จำเริญยา ก็ว่า; ตัด เช่น เจริญเกศา, จำเริญเกศา ก็ว่า; สาธยาย, สวด, (ในงานมงคล) เช่น เจริญพระ
พุทธมนต์.
ค. ใช้คั่นหลังบทนิยามก่อนหน้าคำบอกไวพจน์ของคำตั้งที่มีบทนิยามแตกต่างกัน เพื่อ
แสดงว่าไวพจน์นั้นใช้กับความหมายของทุกบทนิยาม เช่น ปทัสถาน น. แบบแผนสำหรับยึดถือเป็นแนว
ทางปฏิบัติ; เหตุที่ตั้งเป็นเครื่องถึง, เหตุอันใกล้ที่สุด; บรรทัดฐาน หรือ ปทัฏฐาน ก็ว่า. (ส.; ป. ปทฏฺ?าน).
ง. ใช้คั่นอักษรย่อบอกที่มาของคำ โดยเฉพาะคำที่มาจากภาษาบาลีและภาษาสันสกฤต
ซึ่งมีรูปคำไม่ตรงกันกับคำตั้ง เช่น ศีรษะ มีวงเล็บบอกที่มาของคำท้ายบทนิยามดังนี้ (ส.; ป. สีส)
เขม-, เขมา บอกที่มาว่า (ป.; ส. เกฺษม)
๓. เครื่องหมายยัติภังค์ ( - )
ก. ใช้แทนส่วนหน้าของคำที่เข้าคู่กันซึ่งละไว้ เช่น กระส่าย ใช้เข้าคู่กับคำ กระสับ
เป็น กระสับกระส่าย. กระเฟียด ใช้เข้าคู่กับคำ กระฟัด เป็น กระฟัดกระเฟียด.
ข. ใช้หลังคำภาษาบาลีหรือภาษาสันสกฤตเพื่อแสดงว่ามีคำอื่นมาสมาสหรือสนธิได้ เช่น
อัคร- สม- ศาสตร-
ค. ใช้แทนคำอ่านของพยางค์ที่ไม่มีปัญหาในการอ่าน เช่น ชบา [ชะ-] ยี่หร่า [หฺร่า]
ง. ใช้เขียนระหว่างพยางค์แต่ละพยางค์เพื่อบอกคำอ่านของคำที่อาจอ่านเป็นอย่างอื่นได้
เช่น เพลา [เพ-ลา] เสมา [เส-มา]
๔. เครื่องหมายมหัพภาค ( . )
ก. ใช้เมื่อจบบทนิยาม เช่น กำแหง [แหง] ว. แข็งแรง, กล้าแข็ง, เข้มแข็ง. ก. อวดดี.
ข. ใช้หลังวงเล็บซึ่งบอกที่มาของคำหรือที่มาของตัวอย่าง เช่น กำจาย ๑ ก. กระจาย.
(ข. ขฺจาย). กระโสง (กลอน) น. ปลากระสง เช่น กระโสงสังควาดหว้าย ชลา. (สรรพสิทธิ์).