การตั้งชื่อระบบไบเออร์
![](https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/b/b8/Bayer-1697-B4r-Ursa_Minor_table.jpeg/200px-Bayer-1697-B4r-Ursa_Minor_table.jpeg)
การตั้งชื่อระบบไบเออร์ (อังกฤษ: Bayer designation) เป็นระบบการตั้งชื่อสำหรับดาวฤกษ์ ที่เผยแพร่ในปี ค.ศ. 1603 โดยโยฮัน ไบเออร์ นักกฎหมายชาวเยอรมัน ในแผนภูมิดาว อูราโนเมเทรีย ของเขา และยังรวมถึงรายชื่อดาวฤกษ์เพิ่มเติมบางส่วนที่ถูกเพิ่มและแก้ไขในภายหลังโดยนักดาราศาสตร์ คนอื่น ๆ ในยุคต่อมาด้วย
ไบเออร์ได้ตั้งชื่อดาวฤกษ์โดยใช้ชุดตัวอักษรกรีก
α Centauri- alpha Centauri
α Cen- alpha Cen
- alp Cen
อักษรที่ใช้[แก้]
การตั้งชื่อระบบไบเออร์นอกจากจะใช้อักษรกรีก 24 ตัวแล้วก็ยังใช้ตัวอักษรที่ไม่ใช่อักษรกรีกด้วย โดยไล่ตามลำดับดังต่อไปนี้:
α ,β ,γ , ……,ω - A
- b, c, ……, z
- B, C, ……, Q
อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้ชื่อในระบบไบเออร์สำหรับอักษรละตินตั้งแต่ A เป็นต้นไปแทบไม่ได้ถูกใช้งาน
เหตุผลที่ไบเออร์ไม่ใช้ตัวพิมพ์เล็ก a นั้นไม่เป็นที่ทราบชัดเจน แต่คิดว่าเพื่อป้องกันความสับสนกับดาว
การเรียงลำดับ[แก้]
ในสมัยของไบเออร์ การสังเกตการณ์วัตถุท้องฟ้านั้นทำได้แค่การสังเกตด้วยสายตาเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่สามารถวัดความสว่างของดาวฤกษ์อย่างแม่นยำได้ และไม่มีธรรมเนียมในการแสดงอันดับความสว่างของดาวเป็นจุดทศนิยม ดังนั้นอันดับวามสว่างของดาวที่ใช้ในระบบไบเออร์จึงไม่ใช่ค่าโชติมาตรแบบสมัยใหม่ที่ใช้ค่าเป็นจำนวนจริงได้ตามที่ต้องการ แต่เป็นการจัดอันดับแบบดั้งเดิมที่แสดงด้วยเลขจำนวนเต็ม ตั้งแต่ 1 ถึง 6
ด้วยเหตุผลนี้ ดาวฤกษ์สว่างอันดับ 1 (สว่างกว่าโชติมาตร 1.5) มักจะถูกกำหนดให้ใช้อักษรลำดับต้นกว่าดาวฤกษ์อันดับ 2 (โชติมาตร 1.5 - 2.5) แต่ในระหว่างดาวฤกษ์อันดับ 1 (หรือ 2) ด้วยกันเองนั้นมักจะไม่ได้เรียงความสว่างตามลำดับจริง ๆ
ในอันดับความสว่างเดียวกันมักจะเรียงตามลำดับตำแหน่ง เช่นถ้าเป็นในกรณีของกลุ่มดาวที่เป็นบุคคลหรือสัตว์มักจะเรียงลำดับจากส่วนศรีษะก่อน แต่ก็ไม่ได้มีกฎที่ตายตัว เช่นในกลุ่มดาวพิณ และกลุ่มดาวคนยิงธนู การเรียงลำดับดูเหมือนจะสุ่มมั่วซั่ว ไม่มีใครทราบหลักการเรียงที่แน่ชัด
- ดาวฤกษ์ในกลุ่มดาวจระเข้ทั้งหมดถูกพิจารณาว่าเป็นดาวที่มีโชติมาตรอันดับ 2 ในเวลานั้น และเรียงเลขตามลำดับตำแหน่งจากปลายหัวของหมีใหญ่ (ด้านถ้วยของกระบวย) อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันเป็นที่ทราบกันแล้วว่าที่จริงดาว
δ ถือเป็นดาวฤกษ์อันดับ 3 ที่มีโชติมาตร 3.32 - ดาวไถ 3 ดวงที่เป็นเข็มขัดในกลุ่มดาวนายพรานถูกระบุว่าเป็นดาวฤกษ์อันดับ 2 ทั้งหมด และเรียงเลขตามลำดับจากขอบด้านศรีษะของนายพราน (
δ →ε →ζ ) - ระหว่างดาวคาสตอร์ (โชติมาตร 1.59) กับดาวพอลลุกซ์ (โชติมาตร 1.15) ในกลุ่มดาวคนคู่ ดาวคาสตอร์ถูกจัดเป็นดาว
α แม้ว่าจริง ๆ ดาวพอลลุกซ์จะสว่างกว่าเล็กน้อยก็ตาม - ในกลุ่มดาวมังกร ดาว
α ซึ่งในอดีตเคยเป็นดาวเหนือนั้นเป็นดาวฤกษ์อันดับ 4 ที่มีโชติมาตร 3.68 ในขณะที่ดาวฤกษ์ที่สว่างที่สุดคือดาวγ เป็นดาวฤกษ์อันดับ 2 ที่มีโชติมาตร 2.23
ดาว α สว่างที่สุดหรือไม่[แก้]
หากมีดาวฤกษ์ที่มีโชติมาตรอันดับเท่ากันกับดาว
ในบรรดากลุ่มดาวทั้ง 88 กลุ่มนั้น
- กลุ่มดาวที่ดาว
α สว่างที่สุดมี 58 กลุ่ม - กลุ่มดาวที่ดาว
α ไม่ได้สว่างที่สุดมี 26 กลุ่ม (รวมถึงกรณีที่ความสว่างเปลี่ยนไปเนื่องจากดาวα เป็นดาวแปรแสง) - กลุ่มดาวที่ไม่มีดาว
α เลยมี 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มดาวสิงโตเล็ก, กลุ่มดาวไม้ฉาก, กลุ่มดาวท้ายเรือ และ กลุ่มดาวใบเรือ
การปรับเปลี่ยนกลุ่มดาว[แก้]
กลุ่มดาวหลายกลุ่มได้ถูกสร้างขึ้นหลังจากสมัยของไบเออร์ และได้รับชื่อในระบบไบเออร์ใหม่
นีกอลา หลุยส์ เดอ ลากาย นักดาราศาสตร์ ชาวฝรั่งเศสในศตวรรษที่ 18 ได้กำหนดการแบ่งกลุ่มดาวเรืออาร์โกใหม่และกำหนดชื่อในระบบไบเออร์ใหม่โดยอิสระ ในปี 1922 เมื่อสหพันธ์ดาราศาสตร์สากลแบ่งกลุ่มดาวเรืออาร์โกออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มดาวท้ายเรือ กลุ่มดาวใบเรือ และ กลุ่มดาวกระดูกงูเรือ ชื่อในระบบไบเออร์เดิมได้ถูกโอนไปยังกลุ่มดาวใหม่ 3 กลุ่มนี้ โดยใช้ตัวอักษรนำหน้าเดิมทั้งอย่างนั้น มีเพียงชื่อของกลุ่มดาวเท่านั้นที่เปลี่ยนไป ตัวอย่างเช่น
ในสมัยของไบเออร์ ขอบเขตระหว่างกลุ่มดาวยังไม่ได้ถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจน และดาวบางดวงที่อยู่ใกล้ขอบเขตได้ถูกกำหนดชื่อในระบบไบเออร์ในกลุ่มดาวทั้งสอง แต่หลังจากที่สหพันธ์ดาราศาสตร์สากลได้กำหนดกลุ่มดาว 88 กลุ่มในปี 1922 แล้ว และในปี 1928 เมื่อเออแฌน เดลปอร์ตได้ทำการกำหนดขอบเขตของกลุ่มดาวอย่างเคร่งครัดขึ้นมา ดาวเหล่านั้นก็ได้ถูกจัดให้อยู่แค่ในกลุ่มดาวกลุ่มหนึ่งด้วย ในตอนนั้นชื่อในระบบไบเออร์ที่ซ้ำซ้อนกันได้ถูกยกเลิก ดังเช่นในตารางด้านล่าง
ชื่อที่ใช้อยู่ถึงปัจจุบัน | ชื่อที่เลิกใช้แล้ว |
---|---|
51 Andromedae[3] | |
G Scorpii | |
H Scorpii | |
N Scorpii | |
วัตถุท้องฟ้าอื่นนอกจากดาวฤกษ์[แก้]
ปัจจุบันชื่อในระบบไบเออร์ใช้แค่เพียงกับดาวฤกษ์เป็นหลัก แต่ในสมัยก่อนนั้นยังไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างดาวฤกษ์ กระจุกดาว และ เนบิวลา ได้อย่างชัดเจน ระบบไบเออร์จึงได้มีการกำหนดชื่อให้กับวัตถุท้องฟ้าต่าง ๆ รวมทั้งกระจุกดาวด้วย ในปัจจุบันได้มีการกำหนดชื่อใหม่ให้กับวัตถุเหล่านั้นโดยส่วนใหญ่แล้ว แต่ก็ยังมีที่ยังคงใช้จนถึงปัจจุบัน
ตารางต่อไปนี้แสดงตัวอย่างวัตถุท้องฟ้าที่ถูกกำหนดชื่อในระบบไบเออร์
ชื่อในระบบไบเออร์ | วัตถุท้องฟ้าเดิม | ชนิด |
---|---|---|
กระจุกดาวรวงผึ้ง | กระจุกดาวเปิด | |
โอเมกาคนครึ่งม้า | กระจุกดาวทรงกลม | |
กระจุกดาวแฝด | กระจุกดาวเปิด | |
เนบิวลากระดูกงูเรือ | เนบิวลา |
นอกจากนี้แล้ว ดาวฤกษ์สว่างที่สุดในกระจุกดาวเปิดบางกระจุกก็มีชื่อในระบบไบเออร์ เช่น IC 2602 (
หมายเลขตัวยก[แก้]
การสังเกตด้วยตาในสมัยของไบเออร์ไม่สามารถแยกดาวหลายดวงออกจากกันได้ ทำให้ดาวแต่ละดวงถูกตั้งชื่อในระบบไบเออร์แบบรวม ๆ กันเหมือนเป็นวัตถุเดียว ดังนั้นจึงมีการใช้ตัวยกเพื่อแยกความแตกต่างระหว่างดาวแต่ละดวงนั้น
ตัวอย่างเช่น ดาวคู่ปลอม
นอกจากนี้ ดาวฤกษ์หลายดวงที่อยู่ห่างกันก็อาจมีชื่อในระบบไบเออร์ชื่อเดียว กรณีดังกล่าวนี้ก็แยกแยะด้วยหมายเลขตัวยก เช่น ดาว
ความสัมพันธ์กับการตั้งชื่อระบบอื่น ๆ[แก้]
การตั้งชื่อดาวแปรแสง[แก้]
ในระบบการตั้งชื่อให้กับดาวแปรแสงซึ่งคิดขึ้นโดยฟรีดริช วิลเฮ็ล์ม อาร์เกลันเดอร์นั้นจะมีส่วนคล้ายกับการตั้งชื่อระบบไบเออร์ตรงที่ใช้อักษรตามด้วยชื่อกลุ่มดาว แต่จะใช้แค่ตัวอักษรตั้งแต่ R เป็นต้นมา นอกจากนี้แล้ว ดาวที่มีชื่อในระบบไบเออร์เป็นอักษรกรีกอยู่แล้วในระบบไบเออร์จะไม่ได้ถูกตั้งชื่อในระบบนี้[8]
ระบบแฟลมสตีด[แก้]
อีกระบบการตั้งชื่อดาวฤกษ์ที่คล้ายกับระบบไบเออร์ก็คือระบบแฟลมสตีด
ดาวฤกษ์ที่มีชื่อในระบบแฟลมสตีดมีจำนวนมากกว่าในระบบไบเออร์ ดาวฤกษ์ที่มีชื่อในระบบไบเออร์ส่วนใหญ่จะมีในระบบแฟลมสตีดด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม หลายดวงมีเฉพาะในระบบไบเออร์เท่านั้น เพราะระบบไบเออร์ครอบคลุมทั่วทั้งทรงกลมท้องฟ้า ในขณะที่ระบบแฟลมสตีดจะครอบคลุมเฉพาะดวงดาวที่มองเห็นได้จากอังกฤษ ดังนั้นกลุ่มดาวที่อยู่ใกล้ขั้วท้องฟ้าใต้จึงไม่มีเลขเฟลมสตีดเลย
หากว่าระบบไบเออร์และระบบแฟลมสตีดทับซ้อนกัน และชื่อในระบบไบเออร์เป็นอักษรกรีกธรรมดา โดยทั่วไปจะใช้ระบบไบเออร์เป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ดาวที่ระบบไบเออร์เป็นตัวอักษรละตินมักใช้ระบบแฟลมสตีดแทน ดังนั้นชื่อที่เป็นอักษรละตินในระบบไบเออร์จึงมักใช้เฉพาะที่ไม่มีในระบบแฟลมสตีด
อ้างอิง[แก้]
- ↑
理科 年表 国立 天文台 編 (平成 25年 第 86冊 ed.).丸善 出版 . p. 106頁 . ISBN 978-4-621-08606-3. - ↑ "SIMBAD Astronomical Database". Results for alf And. สืบค้นเมื่อ 2016-09-19.
- ↑ "SIMBAD Astronomical Database". Results for ups Per. สืบค้นเมื่อ 2016-09-19.
- ↑ "SIMBAD Astronomical Database". Results for bet Tau. สืบค้นเมื่อ 2016-09-19.
- ↑ "SIMBAD Astronomical Database". Results for IC 2602. สืบค้นเมื่อ 2016-09-19.
- ↑ "SIMBAD Astronomical Database". Results for Cl Melotte 20. สืบค้นเมื่อ 2016-09-19.
- ↑ "SIMBAD Astronomical Database". Results for Cl Collinder 69. สืบค้นเมื่อ 2016-09-19.
- ↑
天体 観測 の教科書 変光星 観測 編 .誠 文 堂 新光 社 . p. 17頁 . ISBN 978-4-416-20917-2.天体 観測 の教科書 変光星 観測 編 .誠 文 堂 新光 社 . p. 17頁 . ISBN 978-4-416-20917-2.