(Translated by https://www.hiragana.jp/)
ฟาโรห์อินโยเตฟที่ 1 - วิกิพีเดีย ข้ามไปเนื้อหา

ฟาโรห์อินโยเตฟที่ 1

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

เซเฮอร์ทาวี อินเตฟที่ 1 เป็นผู้ปกครองท้องถิ่นที่ธีบส์ในสมัยต้นช่วงระหว่างกลางที่หนึ่งและเป็นเชื้อพระวงศ์พระองค์แรกจากราชวงศ์ที่สิบเอ็ดแห่งอียิปต์ที่ใช้พระนามฮอรัส ฟาโรห์อินเตฟครองราชย์เป็นระยะเวลา 4 ถึง 16 ปี (ราว 2120 ปีก่อนคริสตกาล หรือราว 2070 ปีก่อนคริสตกาล)[4] ในช่วงเวลานั้น พระองค์อาจจะทำสงครามกับเขตปกครองทางเหนือของพระองค์นำโดยทจาอูติ ซึ่งเป็นผู้ปกครองท้องถิ่นที่คอปโตส พระองค๋ได้รับการฝังอยู่ในหลุมพระศพแบบแถวที่เอล-ทารีฟ ซึ่งเป็นที่รู้จักในปัจจุบันในชื่อ ซาฟ เอล-ดาวาบา[5]

หลักฐาน

[แก้]

ฟาโรห์อินเตฟเป็นที่รู้จักจากหลักฐานร่วมสมัยเพียงชิ้นเดียว: จารึกสองบล็อกจากวิหารแห่งเทพมอนทูที่เมืองโตด ซึ่งสร้างขึ้นในรัชสมัยของฟาโรห์เมนทูโฮเทปที่ 2 จารึกบล็อกเหล่านี้แสดงให้ภาพฟาโรห์เมนทูโฮเทปที่ 2 กับพระนามของผู้ปกครองก่อนหน้าทั้งสามพระองค์ ซึ่งระบุด้วยพระนามเดิมและพระนามฮอรัสคือ อินเตฟ (ที่ 1) เซเฮอร์ทาวี, อินเตฟ (ที่ 2) วาอังค์ และอินเตฟ (ที่ 3) นัคห์-เนบ-เทป-เนเฟอร์ (แม้ว่าในกรณีนี้จะหลงเหลือเพียงเฉพาะพระนาม เซเฮอร์ทาวี และวาอังค์เท่านั้น)[6] และจารึกนี้ได้ยืนยันการขึ้นครองราชย์ของฟาโรห์ในราชวงศ์ที่สิบเอ็ด

ไม่พบหลักฐานร่วมสมัยที่น่าเชื่อถือที่สามารถนำมาเชื่อมโยงกับฟาโรห์อินเตฟได้[7] เว้นแต่จารึกสั้น ๆ ที่ค้นพบในทะเลทรายตะวันตกปรากฏวลีที่ว่า "กองกำลังจู่โจมของโอรสแห่งเร, อินเตฟ" ในการตีพิมพ์ต้นฉบับของคำจารึกนี้ ฟาโรห์อินเตฟได้ถูกระบุด้วยพระนาม อินเตฟที่ 1 แต่ก็การเสนอความเห็นว่าอาจจะเป็น อินเตฟที่ 2 ซึ่งมีความเป็นไปได้เช่นกัน[5] จารึกนี้ตั้งอยู่ใกล้กับจารึก ซึ่งได้รับคำสั่งจากผู้ปกครองท้องถิ่นคอปโตสในช่วงเวลานั้นนามว่า ทจาอูติ (ดูด้านล่าง)[8]

พระนามของฟาโรห์อินเตฟน่าจะปรากฏบนบันทึกพระนามกษัตริย์ในเวลาภายหลัง แต่ยังคงไม่แน่ชัด เนื่องจากชื่อของเขาสูญหายหรือเสียหาย ในบันทึกพระนามแห่งคาร์นัก พระนามของฟาโรห์อินเตฟปรากฏถัดจากพระนาม "เมน..." ซึ่งเป็นไปได้มากว่าจะเป็นพระนามของฟาโรห์เมนทูโฮเทปที่ 1 และเป็นส่วนหนึ่งของพระนามฮอรัส "บรรพบุรุษ (the ancestor)" ในเวลาภายหลังยังคงปรากฏให้เห็นหลักฐานที่หลงเหลืออยู่ไม่กี่ชิ้นพร้อมกับพระนาม เซเฮอร์ทาวี ของฟาโรห์อินเตฟ พระนามและระยะเวลาของรัชสมัยของพระองค์ในบันทึกพระนามกษัตริย์แห่งตูรินได้สูญหายไปจากส่วนที่ได้รับความเสียหายขนาดใหญ่ในคอลัมน์ที่ 5 บรรทัดที่ 13 ของบันทึกพระนามฯ ซึ่งได้รับการพิจารณาที่มีพระนามอยู่ในบันทึกพระนามจริงและเป็นไปได้ว่าพระนามของฟาโรห์อินเตฟน่าจะปรากฏในส่วนที่เสียหาย ระยะเวลาของรัชสมัยของฟาโรห์จากราชวงศ์ที่สิบเอ็ดพระองค์อื่น ๆ ยังคงหลงเหลืออยู่ในบันทึกพระนามกษัตริย์แห่งตูรินและนับรวมกันได้ถึง 127 ปี นอกจากนี้ ยังหลงเหลือส่วนที่ระบุอายุรัชสมัยการครองราชย์ตลอดทั้งราชวงศ์ในบันทึกพระนามฯซึ่งรวมเป็นเวลา 143 ปี จากหลักฐานเหล่านี้ที่หลงเหลืออยู่ในเวลาต่อมา ระยะเวลาการปกครองที่สูญหายไปของฟาโรห์เมนทูโฮเทปที่ 1 และฟาโรห์อินเตฟที่ 1 ได้ถูกคำนวณให้รวมกันอยู่ที่ระยะ 16 ปี ซึ่งหมายความว่าการครองราชย์ของพระองค์จะมีระยะเวลาน้อยกว่า 16 ปี ดังนั้นระยะเวลาในรัชสมัยของฟาโรห์อินเตฟ จึงมักมีระบุว่าอยู่ระหว่าง 4 ถึง 16 ปี[5] โดยพระอนุชาของพระองค์คือฟาโรห์อินเตฟที่ 2 ได้ขึ้นมาครองราชย์ต่อจากพระองค์ ซึ่งได้ทำสงครามกับทางเหนือของธีบส์ต่อจากพระองค์

รัชสมัย

[แก้]

เซเฮอร์ทาวี อินเตฟที่ 1 เป็นเชื้อพระวงศ์พระองค์แรกจากราชวงศ์ของพระองค์ ซึ่งที่ได้รับตำแหน่งขึ้นเป็นฟาโรห์ โดยมีพระนามฮอรัสว่า เซเฮอร์ทาวี แปลว่า "ผู้สร้างสันติภาพในสองดินแดน", "ผู้ที่นำความสงบสุขมาสู่สองดินแดน" และ "ผู้ที่ทำให้ทั้งสองดินแดนสงบสุข"[9][5][10] พระราชบิดาและพระราชมารดาของพระองค์ อาจจะเป็นฟาโรห์เมนทูโฮเทปที่ 1 และพระนางเนเฟรูที่ 1[5]

ฟาโรห์อินเตฟที่ 1 ทรงประกาศพระองค์เป็นผู้ปกครองอียิปต์ทั้งหมด ด้วยการใช้พระนามฮอรัสพร้อมมงกุฎทั้งสองดินแดน[5] อย่างไรก็ตาม พระราชอำนาจของพระองค์ยังถูกสั่นคลอนโดยผู้ปกครองท้องถิ่นอื่น ๆ ของอียิปต์ ผู้นำในหมู่ผู้ปกครองท้องถิ่นเหล่านี้ คือ ผู้ปกครองจากราชวงศ์ที่สิบแห่งอียิปต์ที่เฮราคลีโอโพลิส แมกนา ซึ่งได้อ้างสิทธิ์ในตำแหน่งของฟาโรห์ และอังค์ติฟิ ซึ่งเป็นพันธมิตรที่มีอำนาจเหล่าผู้ปกครองแห่งเฮราคลีโอโพลิส และผู้ปกครองท้องถิ่นที่ซื่อสัตย์ต่อราชวงศ์ที่สิบ[11] ในการขึ้นครองบัลลังก์ของพระองค์ อาจจะปกครองเพียงเขตปกครองบริเวณธีบส์เท่านั้น แต่คาดว่าหลังจากมีชัยเหนืออังค์ติฟิ หรือหนึ่งในผู้ที่ขึ้นมาปกครองท้องถิ่นต่อเขา ฟาโรห์อินเตฟจึงได้ยึดสามเขตการปกครองทางใต้ของธีบส์ลงไปถึงเกาะแอลเลเฟนไทน์และขึ้นไปทางเหนือจรดเขตปกครองคอปโตส หรืออีกทางหนึ่ง การเอาชนะผู้ปกครองท้องถิ่นดังกล่าว อาจทำได้โดยฟาโรห์เมนทูโฮเทปที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ปกครองก่อนหน้าของพระองค์[5] ข้อสมมติฐานทั้งสองข้อยังคงเป็นการคาดเดา เนื่องจากขาดหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในช่วงเวลานั้น

ฟาโรห์อินเตฟที่ 1 ได้เริ่มในสงครามกับเขตปกครองทางเหนือของพระองค์อย่างรวดเร็ว ภาพวาดที่ค้นพบโดยการสำรวจถนนทะเลทรายแห่งธีบส์ในเกเบล จาติ ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของธีบส์ ซึ่งปรากฏวลีที่ว่า "กองกำลังจู่โจมของโอรสแห่งรา, อินเทฟ" [5][12] อยู่ที่นั่น มีการสันนิษฐานว่าคำจารึกนี้หมายถึงฟาโรห์อินเตฟที่ 1 ซึ่งทหารกำลังต่อสู้กับผู้ปกครองทิ้งถิ่นแห่งคอปโตสนามว่า ทจาอูติ ในการสนับสนุนข้อสมมติฐานนี้ คือ การพบจารึกที่เสียหายในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งสร้างขึ้นโดยทจาอูติ ซึ่งรายงานการก่อสร้างถนนเพื่อให้คนของเขาเดินทางข้ามทะเลทราย "ซึ่งผู้ปกครองของเขตปกครองอื่นได้ปิด [เมื่อเขามาเพื่อ] ต่อสู้กับเขตปกครองของข้า ..."[5] ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ระบุชื่อไว้อย่างชัดเจน แต่ดาร์เรล เบเกอร์และนักไอยคุปต์วิทยาคนอื่น ๆ ได้โต้แย้งว่า ผู้ปกครองคนนี้จะต้องเป็นฟาโรห์อินเตฟที่ 1 ไม่ก็ฟาโรห์อินเตฟที่ 2 ซึ่งเป็นที่ขึ้นมาปกครองต่อจากพระองค์ ไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม ความพ่ายแพ้ที่ตามมาของทจาอูติ ทำให้เขตปกครองคอปโตส, เขตปกครองเดนเดรา และสามเขตปกครองของราชวงศ์ที่สิบแห่งเฮราคลีโอโพลิสตกอยู่ภายใต้อำนาจของธีบส์ ซึ่งทำให้ขยายอาณาเขตของผู้ปกครองแห่งธีบส์ไปทางเหนือ 250 กม. จรดเขตปกครองอไบดอส

หลุมฝังพระศพ

[แก้]

สถานที่ฝังพระศพของฟาโรห์อินเตฟถูกขุดขึ้นบนเนินเขาที่เอล-ทารีฟ บนฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำไนล์ที่ธีบส์ และเป็นที่รู้จักในปัจจุบันในชื่อว่า ซาฟ เอล-ดาวาบา ที่ตั้งของเอล-ทารีฟประกอบด้วยสุสานหลวงสามแห่งที่เรียกว่าสุสานแถว (saff tomb) จารึกที่พบในหลุมฝังพระศพแห่งหนึ่งระบุว่าเป็นของฟาโรห์วาอังค์ อินเตฟที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ที่ขึ้นมาปกครองต่อจากพระองค์ ในทางกลับไม่พบจารึกในซาฟ เอล-ดาวาบา แต่ให้พบเครื่องปั้นดินเผาแบบแรกสุดที่พบในเอล-ทารีฟ และด้วยเหตุนี้จึงมักถูกระบุถึงฟาโรห์อินเตฟ[4][13] ที่ซาฟ เอล-ดาวาบาประกอบด้วยลานกว้างใหญ่ขนาด 300 x 75 เมตร (984 ฟุต x 246 ฟุต) และมีโดยทางเดินแนวเสาที่นำไปสู่วิหารฝังพระศพที่แกะสลักไว้บนเนินเขาและขนาบข้างด้วยห้องสองห้อง ห้องฝังพระศพของฟาโรห์อินเตฟที่ 1 ถูกขุดไว้ใต้วิหารฝังพระศพ[5]

อ้างอิง

[แก้]
  1. Thomas Schneider: Ancient Egyptian Chronology - Edited by Erik Hornung, Rolf Krauss, And David a. Warburton, available online, see p. 491
  2. 2.0 2.1 Clayton, Peter A. Chronicle of the Pharaohs: The Reign-by-Reign Record of the Rulers and Dynasties of Ancient Egypt. Thames & Hudson. p72. 2006. ISBN 0-500-28628-0
  3. 3.0 3.1 Darrell D. Baker: The Encyclopedia of the Pharaohs: Volume I - Predynastic to the Twentieth Dynasty 3300–1069 BC, Stacey International, ISBN 978-1-905299-37-9, 2008, pp. 143-144
  4. 4.0 4.1 Thomas Schneider: Ancient Egyptian Chronology - Edited by Erik Hornung, Rolf Krauss, And David a. Warburton, available online, see p. 491
  5. 5.00 5.01 5.02 5.03 5.04 5.05 5.06 5.07 5.08 5.09 Darrell D. Baker: The Encyclopedia of the Pharaohs: Volume I - Predynastic to the Twentieth Dynasty 3300–1069 BC, Stacey International, ISBN 978-1-905299-37-9, 2008, pp. 143-144
  6. Labib Habachi: King Nebhepetre Menthuhotep: his monuments, place in history, deification and unusual representations in the form of gods, in Mitteilungen des deutschen Archaeologischen Instituts, Kairo 19 (1963), fig. 22)
  7. Schneider, op. cit. p. 161
  8. John Coleman Darnell: Theban Desert Road Survey in the Egyptian Western Desert, Volume I, Chicago 2002, ISBN 1-885923-17-1, 38-46
  9. Clayton, Peter A. . Thames & Hudson. p72. 2006. ISBN 0-500-28628-0
  10. Nicholas Grimal, A History of Ancient Egypt (Oxford: Blackwell Books, 1992), p. 143
  11. Grimal, p.142
  12. Theban Desert Road Survey website เก็บถาวร 2013-12-01 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
  13. Rasha Soliman: Old and Middle Kingdom Theban Tombs, London 2009 ISBN 978-1-906137-09-0, 31-35