ราชวงศ์โชซ็อน
![]() | บทความนี้ได้รับแจ้งให้ปรับปรุงหลายข้อ กรุณาช่วยปรับปรุงบทความ หรืออภิปรายปัญหาที่หน้าอภิปราย
|
ราชอาณาจักรโชซ็อน 조선국 (1392–1894) มหาประเทศโชซ็อน 대조선국 (1894–1897) | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ค.ศ. 1392–ค.ศ. 1897 | |||||||||
![]() ดินแดนของราชวงศ์โชซ็อน หลังจากการพิชิตชาวจูร์เชนโดยพระเจ้าเซจงมหาราช | |||||||||
เมืองหลวง | ฮันซ็อง | ||||||||
ภาษาทั่วไป | เกาหลี | ||||||||
ศาสนา | ลัทธิขงจื๊อ ศาสนาพุทธ ศาสนาพื้นบ้านเกาหลี ศาสนาคริสต์ (รับรองหลังปีค.ศ. 1886) | ||||||||
การปกครอง | สมบูรณาญาสิทธิราชย์ | ||||||||
พระเจ้าแผ่นดิน | |||||||||
• 1392–1398 | แทโจ (องค์แรก) | ||||||||
• 1418–1450 | เซจง | ||||||||
• 1776–1800 | ช็องโจ | ||||||||
• 1863–1897 | โกจง (องค์สุดท้าย)1 | ||||||||
อัครมหาเสนาบดี | |||||||||
• 1431–1449 | ฮวังฮุย | ||||||||
• 1466–1472 | ฮันเมียงฮี | ||||||||
• 1592–1598 | ยู ซองลยอง | ||||||||
• 1793–1801 | แชเจกง | ||||||||
ยุคประวัติศาสตร์ | สมัยใหม่ตอนต้น | ||||||||
• รัฐประหาร ค.ศ. 1388 | 20 พฤษภาคม ค.ศ. 1388 | ||||||||
• พิธีราชาภิเษกของพระเจ้าแทโจ | 17 กรกฎาคม ค.ศ. 1392 | ||||||||
9 ตุลาคม ค.ศ. 1446 | |||||||||
1592–1598 | |||||||||
1636–1637 | |||||||||
27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1876 | |||||||||
12 ตุลาคม ค.ศ. 1897 | |||||||||
ประชากร | |||||||||
• 1500 [1] | est. 6,510,000 | ||||||||
• 1753 [1] | est. 18,660,000 | ||||||||
สกุลเงิน | มุน(ค.ศ.1633–1892) หยาง(ค.ศ.1892–97) | ||||||||
| |||||||||
1สถาปนาพระองค์เป็นจักรพรรดิแห่งโชซ็อน เมื่อ ค.ศ. 1897 |
โชซ็อน | |
ฮันกึล | |
---|---|
ฮันจา | |
อาร์อาร์ | Joseon |
เอ็มอาร์ | Chosŏn |
IPA | /tɕo.sʌn/ |
ราชวงศ์ศักดินาโชซ็อน | |
ฮันกึล | |
ฮันจา | |
อาร์อาร์ | joseon bonggeon wangjo |
เอ็มอาร์ | chosŏn bonggŏn wangjo |
มหาประเทศโชซ็อน | |
ฮันกึล | |
ฮันจา | |
อาร์อาร์ | Daejoseonguk |
เอ็มอาร์ | Taechosŏnguk |
IPA | /tɛ.tɕo.sʌn.ɡuk̚/ |
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของ |
---|
ประวัติศาสตร์เกาหลี |
![]() |
เส้นเวลา |
![]() |
ราชวงศ์โชซ็อน (เกาหลี: 조선) เป็นราชวงศ์สุดท้ายของรัฐเกาหลีมีอายุมากกว่า 500 ปี[4][5] ซึ่งมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า มหาประเทศโชซ็อน (대조선국;
ประวัติศาสตร์
[แก้]![](https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/a/a6/%EA%B2%BD%EB%B3%B5%EA%B6%81_%EC%A0%84%EA%B2%BD.jpg/270px-%EA%B2%BD%EB%B3%B5%EA%B6%81_%EC%A0%84%EA%B2%BD.jpg)
สถาปนาราชวงศ์
[แก้]ราชวงศ์โครยอเดิมปกครองคาบสมุทรเกาหลีมาเป็นเวลาประมาณสี่ร้อยปีโดยมีราชธานีอยู่นครแคซ็อง อี ซ็อง-กเย เป็นขุนศึกผู้มีอำนาจและมีผลงานในรัชกาลของพระเจ้าคงมิน (เกาหลี: 공민왕,
หลังจากความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างเจ้าชาย ในรัชสมัยพระเจ้าแทจงราชวงศ์โชซ็อนจัดตั้งรากฐานการเมืองการปกครองขึ้น พระเจ้าแทจงทรงตั้งสภาอีจอง (เกาหลี: 의정부,
ความรุ่งเรืองของลัทธิขงจื๊อใหม่และการกวาดล้างนักปราชญ์
[แก้]![](https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/c/c9/Hunminjeongum.jpg/220px-Hunminjeongum.jpg)
รัชสมัยของพระเจ้าเซจงมหาราชมีการส่งเสริมลัทธิขงจื๊อและวัฒนธรรมจีนให้แพร่หลาย ทรงก่อตั้งชิบฮย็อนจอน (เกาหลี: 집현전,
หลังจากรัชสมัยของพระเจ้าเซจงเป็นยุคแห่งความขัดแย้ง ในค.ศ. 1455 เจ้าชายซูยัง (เกาหลี: 수양대군,
ในสมัยพระเจ้าซ็องจงขุนนางกลุ่มซาริมกลับเข้ามารับราชการในราชสำนักอีกครั้งทำให้ลัทธิขงจื๊อกลับมามีความสำคัญ ขุนนางซาริมรับราชการในสามกรมหรือ ซัมซา (เกาหลี: 삼사,
ในรัชสมัยของพระเจ้าชุงจงขุนนางกลุ่มซาริมกลับเข้ารับราชการอีกครั้งโดยมีผู้นำคือโช กวัง-โจ (조광조,
การรุกรานของญี่ปุ่นและการแบ่งฝ่าย
[แก้]![](https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/e/ec/Siege-of-Busanjin-1592.jpg/200px-Siege-of-Busanjin-1592.jpg)
ในรัชสมัยของพระเจ้าซ็อนโจขุนนางกลุ่มซาริมกลับมามีอำนาจในราชสำนักโชซ็อนอย่างถาวร ความขัดแย้งระหว่างขุนนางสองคนได้แก่ชิม อี-กย็อม (เกาหลี: 심의겸, 沈義
- ฝ่ายตะวันออกหรือ ทงอิน (เกาหลี: 동인,
東 人 ) ให้การสนับสนุนแก่คิม ฮโย-ว็อน มีถิ่นพำนักอาศัยอยู่ทางเขตตะวันออกของกรุงฮันซ็อง เป็นกลุ่มขุนนางอายุน้อยและเป็นศิษย์ของโช ชิก (เกาหลี: 조식, 曺植) และ อี ฮวัง (เกาหลี: 이황,李 滉 ) - ฝ่ายตะวันตกหรือ ซออิน (เกาหลี: 서인,
西人 ) ให้การสนับสนุนแก่ชิม อี-กย็อม มีถิ่นอาศัยอยู่เขตตะวันตกของเมืองฮันซ็อง เป็นกลุ่มขุนนางอาวุโสและเป็นศิษย์ของอี อี (เกาหลี: 이이,李 珥)
ในค.ศ. 1589 ขุนนางฝ่ายตะวันออกชื่อว่าช็อง ยอ-ริป (เกาหลี: 정여립,
- ฝ่ายเหนือ หรือ พุกอิน (เกาหลี: 북인,
北 人 ) ให้การสนับสนุนแก่ช็อง ยอ-ริป เป็นศิษย์ของโช ชิก - ฝ่ายใต้ หรือ นัมอิน (เกาหลี: 남인,
南 人 ) เป็นศิษย์ของอี ฮวัง มีผู้นำคือ มีผู้นำคือ รยู ซ็อง-รย็ง (เกาหลี: 류성룡,柳 成 龍 )
ในขณะที่โชซ็อนกำลังเกิดความขัดแย้งภายในและการแบ่งฝ่าย โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ (ญี่ปุ่น:
เมื่อการเจรจาระหว่างจีนและญี่ปุ่นไม่ประสบผล โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ จึงให้กองทัพเข้ารุกรานโชซ็อนอีกครั้งในค.ศ. 1597 ซึ่งทัพของจีนและโชซ็อนสามารถต้านทานการรุกรานของญี่ปุ่นในครั้งนี้ได้ เมื่อโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ ถึงแก่กรรมในค.ศ. 1598 ฝ่ายญี่ปุ่นจึงถอนทัพออกจากโชซ็อน ในยุทธการที่โนรยาง (Battle of Noryang Point) อี ซุน-ชิน สามารถนำทัพเรือเข้าทำลายทัพเรือญี่ปุ่นได้แต่อี ซุน-ชิน เสียชีวิตในที่รบ
หลังจากการรุกรานของญี่ปุ่นสิ้นสุดลง ขุนนางฝ่ายเหนือมีอำนาจในราชสำนักโชซ็อน ในระหว่างสงครามกับญี่ปุ่นนั้นพระเจ้าซ็อนโจทรงตั้งเจ้าชายควังแฮ (เกาหลี: 광해군,
ยุคฝ่ายตะวันตกเรืองอำนาจและการรุกรานของแมนจู
[แก้]ในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 17 ชาวแมนจูทางตอนเหนือของจีนเรืองอำนาจขึ้นและเป็นภัยคุกคามต่อจีนราชวงศ์หมิง โชซ็อนในสมัยของเจ้าชายควังแฮดำเนินนโยบายที่เป็นกลาง เมื่อพระเจ้าอินโจขึ้นครองราชย์จากการยึดอำนาจขุนนางฝ่ายตะวันตกมีอำนาจ ขุนนางฝ่ายตะวันตกมีนโยบายสนับสนุนราชวงศ์หมิงต่อต้านชาวแมนจู ในค.ศ. 1627 ฮงไทจิ (แมนจู: Hong Taiji) ผู้นำของชาวแมนจูส่งทัพเข้ารุกรานโชซ็อนเกิดเป็นการรุกรานเกาหลีของแมนจูครั้งที่หนึ่ง (First Manchu Invasion of Korea) หลังจากการเจรจาโชซ็อนยินยอมดำเนินนโยบายที่เป็นกลางทัพแมนจูจึงกลับไป แต่ทว่าราชสำนักโชซ็อนมิได้ทำตามข้อตกลงที่ทำไว้กับแมนจู ยังคงเชิดชูและช่วยเหลือราชวงศ์หมิงเช่นเดิม ต่อมาเมื่อฮงไทจิประกาศก่อตั้งราชวงศ์ชิง (Qing dynasty) ต้องการให้โชซ็อนเป็นเมืองขึ้นส่งบรรณาการให้แก่ราชวงศ์ชิง นำไปสู่การรุกรานเกาหลีของแมนจูครั้งที่สอง (Second Manchu Invasion of Korea) ในค.ศ. 1636 ปีต่อมาค.ศ. 1637 ปีต่อมาพระเจ้าอินโจทรงยอมจำนนต่อแมนจู พระจักรพรรดิหฺวังไถจี๋แห่งราชวงศ์ชิงให้สร้างอนุสรณ์สถานรำลึกชัยชนะของแมนจูเหนือโชซ็อน เรียกว่า อนุสรณ์ซัมจ็อนโด (เกาหลี: 삼전도비
ในรัชสมัยของพระเจ้าฮย็อนจงเกิดความขัดแย้งเรื่องการไว้ทุกข์ (เกาหลี: 예송논쟁,
ในช่วงปลายรัชสมัยของพระเจ้าซุกจงเกิดความขัดแย้งระหว่างซง ชี-ย็อลกับศิษย์ ทำให้ฝ่ายตะวันตกแบ่งเป็นสองฝ่ายได้แก่
- ฝ่ายโนรน (เกาหลี: 노론,
老 論 ) กลุ่มขุนนางดั้งเดิม ให้การสนับสนุนซง ชี-ย็อล และเจ้าชายย็อนอิง (เกาหลี: 연잉군,延 礽君) - ฝ่ายโซรน (เกาหลี: 소론,
少 論 ) กลุ่มขุนนางรุ่นใหม่ ต่อต้านซง ชี-ย็อล และให้การสนับสนุนพระโอรสของพระสนมชังฮีบิน
พระโอรสของพระสนมชังฮีบินขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าคย็องจงในค.ศ. 1720 ฝ่ายโซรนขึ้นมามีอำนาจ แต่เนื่องจากพระเจ้าคย็องจงประชวร ขุนนางฝ่ายโนรนจึงให้มีการแต่งตั้งเจ้าชายย็อนอิงเป็นผู้สำเร็จราชการแทน ขุนนางฝ่ายโซรนกล่าวหาฝ่ายโนรนว่าเป็นกบฏต้องการยึดราชสมบัติให้เจ้าชายย็อนอิง ขุนนางฝ่ายโนรนจึงถูกกวาดล้างลงโทษอย่างมากในค.ศ. 1721 เมื่อพระเจ้าคย็องจงสวรรคตในค.ศ. 1724 เจ้าชายย็อนอิงครองราชสมบัติต่อมาเป็นพระเจ้าย็องโจ ทำให้ขุนนางฝ่ายโซรนเสียอำนาจและฝ่ายโนรนขึ้นมามีอำนาจแทน
พระเจ้าย็องโจและพระเจ้าช็องโจ
[แก้]![](https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/d/df/Hwaseong2.jpg/250px-Hwaseong2.jpg)
พระเจ้าย็องโจทรงดำเนินนโยบายทังพย็อง (เกาหลี: 탕평책,
- พย็อกปา (เกาหลี: 벽파,
僻 派 ) ฝ่ายซึ่งเห็นด้วยกับการสำเร็จโทษเจ้าชายซาโด - ชิปา (เกาหลี: 시파,
時 派 ) ฝ่ายซึ่งไม่เห็นด้วยกับการสำเร็จโทษเจ้าชายซาโด
ในค.ศ. 1775 กลุ่มพย็อกปาคัดค้านการแต่งตั้งพระนัดดารัชทายาทลีซันซึ่งเป็นพระโอรสของเจ้าชายซาโดให้เป็นผู้สำเร็จราชการแทน เมื่อเจ้าชายลีซันขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระเจ้าช็องโจในค.ศ. 1776 จึงทำการลงโทษขุนนางฝ่ายพย็อกปาไปจำนวนมากและนำขุนนางชิปาขึ้นมามีอำนาจ พระเจ้าช็องโจทรงสานต่อนโยบายทังพย็องเพื่อความสมานฉันท์ของพระเจ้าย็องโจพระอัยกา พระเจ้าช็องโจใช้อุบายทางการเมืองเพื่อคานอำนาจระหว่างขุนนางกลุ่มโนรนและโซรน และฟื้นฟูขุนนางฝ่ายใต้ให้ขึ้นมามีอำนาจอีกครั้งภายใต้การนำของแช เจ-กง (เกาหลี: 채제공, 蔡濟
ยุคการปกครองของราชินิกุลและการปราบปรามชาวคริสเตียน
[แก้]เมื่อพระเจ้าช็องโจสวรรคตในค.ศ. 1800 พระโอรสคือพระเจ้าซุนโจยังทรงพระเยาว์พระปัยยิกาตระกูลคิมจึงขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการแทน พระปัยยิกาตระกูลคิมให้การสนับสนุนแก่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมโนรน-พย็อกปาจึง เกิดการกวาดล้างขุนนางฝ่ายใต้ทำให้ขุนนางฝ่ายใต้สูญสิ้นอำนาจไป ในปีค.ศ. 1801 ขุนนางฝ่ายใต้ชื่อว่าฮวัง ซาย็อง (เกาหลี: 황사영,
เมื่อพระเจ้าช็อลจงสวรรคตในค.ศ. 1863 โดยไม่มีรัชทายาท ชายสามัญชนผู้หนึ่งชื่อว่าอี ฮา-อึง (เกาหลี: 이하응
อาณาจักรฤๅษีเปิดประตูและสงครามจีน-ญี่ปุ่น
[แก้]![](https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/1/18/Heungseon_Daewongun_Portrait.jpg/220px-Heungseon_Daewongun_Portrait.jpg)
เนื่องจากพระเจ้าโคจงขึ้นครองราชสมบัติเมื่อยังพระเยาว์ เจ้าชายแทว็อน ฮึงซ็อน ซึ่งเป็นพระชนกของพระเจ้าโคจงจึงมีอำนาจเป็นผู้สำเร็จราชการแทน เจ้าชายแทว็อน ฮึงซ็อน ปฏิรูปการเมืองการปกครองของโชซ็อนเสียใหม่โดยหยุดยั้งการแบ่งฝ่ายของขุนนาง มีการทำลายซอว็อน (เกาหลี: 서원,
ในค.ศ. 1866 เจ้าชายแทว็อน ฮึงซ็อน มีคำสั่งให้นำตัวมิชชันนารีชาวฝรั่งเศสซึ่งเข้ามาเผยแพร่ศาสนาในโชซ็อนอย่างเป็นความลับไปประหารชีวิต และเรือเจอร์เนอรัล เชอร์แมน เรือสินค้าของสหรัฐอเมริกาจอดเทียบท่าที่เมืองเปียงยางโดยไม่ได้รับอนุญาต กองกำลังป้องกันของโชซ็อนจึงทำทหารเข้าสังหารชาวอเมริกันของเรือเจอร์เนอรัล เชอร์แมน จนหมดสิ้น เรียกว่า เหตุการณ์เรือเจอร์เนอรัลเชอร์แมน (General Sherman Incident) นายปิแอร์ ฌุซตาฟ โรเซอ (Pierre-Gustave Roze) แม่ทัพเรือของฝรั่งเศสซึ่งพำนักอยู่ที่กรุงปักกิ่งยกทัพเรือฝรั่งเศสเข้ารุกรานโชซ็อนเพื่อตอบโต้ที่โชซ็อนสังหารมิชชันนารีฝรั่งเศส เรียกว่า การรุกรานของชาวตะวันตกปีพย็องอิน (เกาหลี: 병인양요,
รัฐบาลเมจิของญี่ปุ่นส่งสาสน์จากพระจักรพรรดิเมจิมายังโชซ็อนเพื่อเจริญสัมพันธไมตรี แต่ราชสำนักโชซ็อนให้การยอมรับพระจักรพรรดิเพียงพระองค์เดียวคือพระจักรพรรดิจีนราชวงศ์ชิงจึงปฏิเสธไมตรีของญี่ปุ่น ในค.ศ. 1874 พระมเหสีจากตระกูลมิน หรือพระมเหสีมย็องซ็อง พระมเหสีของพระเจ้าโคจง ทำการยึดอำนาจจากเจ้าชายแทว็อน ฮึงซ็อน ด้วยการประกาศว่าพระเจ้าโคจงเจริญพระชันษาสามารถว่าราชการได้ด้วยพระองค์เอง ทำให้พระมเหสีมย็องซ็องขึ้นมามีอำนาจในการปกครองและเจ้าชายแทว็อน ฮึงซ็อน สูญเสียอำนาจไป ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของโชซ็อนเปิดโอกาสให้ญี่ปุ่นใช้นโยการการทูตเรือปืน (Gunboat diplomacy) โดยการส่งเรือรบอูนโย (ญี่ปุ่น:
พระมเหสีมย็องซ็องทรงสนับสนุนการรับวิทยาการตะวันตกเข้ามาปรับปรุงประเทศให้ทันสมัย มีการฝึกทหารตามแบบตะวันตกซึ่งสร้างความไม่พอใจให้แก่ทหารดั้งเดิม กลุ่มทหารดั้งเดิมจึงทำการยึดอำนาจเข้ายึดพระราชวังคย็องบกในค.ศ. 1882 เรียกว่าการกบฎปีอิมโอ (Imo Incident เกาหลี: 임오군란) ทำให้พระเจ้าโคจงและพระมเหสีมย็องซ็องต้องเสด็จหลบหนีออกจากกรุงโซล กลุ่มทหารดั้งเดิมถวายอำนาจคืนแด่เจ้าชายแทว็อน ฝ่ายจีนราชวงศ์ชิงเมื่อทราบการยึดอำนาจในโชซ็อนจึงส่งกองกำลังนำโดยแม่ทัพหลี่ หงจาง (จีน:
- ฝ่ายซาแด (เกาหลี: 사대당,
事大 黨 ) หรือฝ่ายอนุรักษ์นิยม สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงประเทศอย่างค่อยเป็นค่อยไป และดำรงความสัมพันธ์กับจีนราชวงศ์ชิง - ฝ่ายก้าวหน้า หรือฝ่ายแคฮวา (เกาหลี: 개화당,
開化 黨 ) สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงประเทศอย่างรวดเร็วดังเช่นญี่ปุ่นยุคเมจิ และสนับสนุนการตัดความสัมพันธ์เป็นเอกราชจากจีน
![](https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/a/af/Le_Journal_illustre_Korean_queen_assassination.png/220px-Le_Journal_illustre_Korean_queen_assassination.png)
คาบสมุทรเกาหลีกลายเป็นสถานที่แข่งขันอำนาจกันระหว่างจีนและญี่ปุ่น พระมเหสีมย็องซ็องทรงให้การสนับสนุนแก่ฝ่ายซาแด ในค.ศ. ขุนนางฝ่ายก้าวหน้าซึ่งได้รับการสนับสนุนจากญี่ปุ่นนำกองกำลังเข้ายึดอำนาจภายในพระราชวังสังหารขุนนางฝ่ายซาแดไปจำนวนมากเรียกว่า รัฐประหารปีคัปชิน (เกาหลี: 갑신정변,
ลัทธิทงฮัก (เกาหลี: 동학,
ในช่วงค.ศ. 1894-96 การปฏิรูปปีคัปโอ (Gabo Reform เกาหลี: 갑오개혁,
สังคมโชซ็อน
[แก้]ในยุคโชซ็อนสังคมเกาหลีมีการแบ่งชนชั้นที่เข้มงวดและได้รับการรับรองจากกฎหมาย เนื่องจากชาวเกาหลีมีคติเรื่องการสืบทอดทางสายเลือดมาแต่ยุคโบราณ แม้ว่าหลักของขงจื๊อสอนว่าบุคคลสามารถพัฒนาตนเองได้ แต่ในโชซ็อนการสืบทอดสถานะทางสาแหรกตระกูลยังคงมีความสำคัญ อาณาจักรโชซ็อนปกครองโดยราชาธิปไตยมีกษัตริย์แห่งโชซ็อนเป็นประมุขสูงสุด ภายใต้กษัตริย์คือชนชั้นขุนนาง สังคมโชซ็อนแบ่งออกเป็นชนชั้นต่างๆดังนี้
- ยังบัน (Yangban เกาหลี: 양반,
兩 班 ) ชนชั้นขุนนาง คำว่ายังบันแปลว่าชนชั้นทั้งสองประกอบด้วยมุนบัน (เกาหลี: 문반,文 班 ) ชนชั้นปราชญ์หรือขุนนางฝ่ายบุ๋น และมูบัน (เกาหลี: 무반,武 班 ) ชนชั้นนักรบหรือขุนนางฝ่ายบู๊ ยังบันเป็นชนชั้นขุนนางซึ่งเป็นการสืบทอดมาจากชนชั้นขุนนางในยุคโครยอ เป็นชนชั้นผู้มีเอกสิทธิ์ในการปกครอง ตำแหน่งขุนนางของยังบันในราชสำนักไม่สืบทอดทางสายเลือด บุรุษยังบันเข้ารับราชการด้วยการสอบควากอ (เกาหลี: 과거,科擧 ) หรือการสอบคัดเลือกบุคคลเข้ารับราชการ ชนชั้นยังบันมีอภิสิทธิ์ในการศึกษาหลักของลัทธิขงจื๊อ ขุนนางยังบันผู้เปี่ยมไปด้วยคุณธรรมเรียกว่าซ็อนบี (เกาหลี: 선비) ในทางปฏิบัติชนชั้นยังบันเป็นชนชั้นปิด บุตรชายของขุนนางยังบันเท่านั้นที่มีสิทธิ์สอบมุนกวา (เกาหลี: 문과,文科 ) เข้ารับราชการในระดับสูง ราชสำนักมีการตรวจสอบพงศาวลีของขุนนางเพื่อยืนยันว่าขุนนางเหล่านั้นมีสายเลือดยังบันอย่างแท้จริง ราชสำนักโชซ็อนมีกฎหมายให้ขุนนางยังบันสมรสกับสตรีจากชนชั้นยังบันด้วยกันเป็นภรรยาเอกเท่านั้น บุตรของยังบันที่เกิดจากภรรยาเอกเท่านั้นที่สืบทอดสถานะความเป็นยังบันต่อไป ชนชั้นยังบันมีรายได้จากเบี้ยหวัดจากราชการและการครอบครองที่ดิน ได้รับอภิสิทธิ์ยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี เมื่อขุนนางยังบันกระทำความผิดได้รับโทษอาจถูกลดสถานะจากความเป็นยังบันได้ หากครอบครัวยังบันไม่ส่งสมาชิกผู้ชายเข้ารับราชการเป็นเวลาสามรุ่นขึ้นไปจะสูญเสียสถานะความเป็นยังบัน - ชุงอิน (เกาหลี: 중인,
中 人 ) ชนชั้นกลางผู้ประกอบวิชาชีพที่อาศัยความเชี่ยวชาญได้แก่ ล่ามแปลภาษา นักกฎหมาย แพทย์ และนักดาราศาสตร์ ชนชั้นชุงอินไม่สามารถสอบมุน-กวาเพื่อรับราชการในระดับสูงได้ แต่สามารถสอบชับกวา (เกาหลี:雜 科 ) หรือการสอบศาสตร์ต่างๆตามสายวิชาชีพเพื่อเข้ารับราชการเป็นขุนนางระดับล่างได้ และสามารถสอบมูกวา (เกาหลี: 무과,武 科 ) หรือการสอบศิลปะป้องกันตัวเพื่อเข้ารับราชการฝ่ายทหารได้ ชนชั้นชุงอินสืบทอดความรู้วิทยาการภายในสายตระกูลครอบครัว - ซังมิน (เกาหลี: 상민,
常民 ) สามัญชนทั่วไปซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของอาณาจักร ประกอบด้วยชาวนาชาวไร่ กรรมกร ชาวประมง และพ่อค้า ชาวบ้านซังมินทำมาหากินภายในที่ดินของตนเองหรือบนที่ดินของขุนนางยังบัน ชนชั้นซังมินต้องเสียภาษีให้แก่ราชสำนักโชซ็อนในรูปแบบต่างๆ และอาจถูกเกณฑ์ไปเป็นกองกำลังสู้รบได้ในยามสงคราม - ช็อนมิน (เกาหลี: 천민,
賤民 ) ชนชั้นทาส ทางราชการจะเข้ามาควบคุมชนชั้นนี้เสมือนเป็นสิ่งของชิ้นหนึ่ง ซึ่งเป็นสมบัติส่วนบุคคลสามารถซื้อขายกันได้ และทางราชการเองก็มีช็อนมินไว้เป็นสมบัติเป็นจำนวนมากเพื่อใช้งานในราชสำนัก ช็อนมินที่ไม่ได้มีเจ้าของก็จะประกอบอาชีพที่สังคมดูถูกเช่น คนฆ่าสัตว์ นักแสดงกายกรรม ผู้หญิงก็จะมีสามอาชีพ คือ มูดัง (ร่างทรง) คีแซ็ง (นางโลม) และอึยนยอ (แพทย์หญิง) แต่ควากอขุนนางฝ่ายบู๊ก็เปิดโอกาสให้ช็อนมินผู้ชายเข้าไปเป็นทหารเช่นกัน
การแบ่งชนชั้นทางสังคมโชซ็อนนั้นเข้มงวดมากในต้นสมัยโชซ็อน แต่หลังจากสงครามกับญี่ปุ่นและการเข้ามาของวัฒนธรรมตะวันตกแล้ว ชนชั้นล่างก็เริ่มที่จะลืมตาอ้าปากได้ขณะที่ชนชั้นบนก็ยากจนขัดสนลง สตรียังบันนั้นจะต้องเชื่อฟังสามี เก็บตัวอยู่แต่ในบ้านออกนอกบ้านได้นาน ๆ ครั้ง เมื่อออกนอกบ้านต้องปกปิดหน้าตา แต่สตรีในระดับชั้นล่างกลับมีอิสรภาพมากกว่า สามารถไปไหนมาไหนก็ได้
พระราชวังทั้งห้าและป้อมฮวาซ็อง
[แก้]![](https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/d/d6/Seoul-Gyeonbokgung-Gwanghwamun-01.jpg/220px-Seoul-Gyeonbokgung-Gwanghwamun-01.jpg)
ราชวงศ์โชซ็อนนั้นมีพระราชวังที่อยู่ในเมืองหลวงทั้งหมดห้าแห่ง คือ
- พระราชวังคย็องบก พระราชวังหลวงและพระราชวังหลักของกษัตริย์ราชวงศ์โชซ็อน
- พระราชวังชังด็อก พระราชวังตะวันออก
- พระราชวังท็อกซู พระราชวังตะวันตก
- พระราชวังชังกย็อง พระราชวังฤดูร้อน
- พระราชวังคย็องฮี พระราชวังใต้
- ป้อมฮวาซ็อง ป้อมที่ใหญ่ที่สุดในราชวงศ์โชซ็อน
รายพระนามกษัตริย์ จักรพรรดิ และผู้อ้างสิทธิในราชบัลลังก์
[แก้]กษัตริย์แห่งราชวงศ์โชซ็อน
[แก้]พระนามเดิม | พระนามาภิไธย | ปีที่ครองราชย์ (พ.ศ.) |
---|---|---|
อี ซ็อง-กเย | แทโจ | 1935 - 1941 |
อี พัง-กวา | ช็องจง | 1941 - 1943 |
อี พัง-วอน | แทจง | 1943 - 1961 |
อี โท | เซจงมหาราช | 1961 - 1993 |
อี ฮยาง | มุนจง | 1993 - 1995 |
อี ฮง-วี | ทันจง | 1995 - 1998 |
อี ยู | เซโจ | 1998 - 2011 |
อี ควาง | เยจง | 2011 - 2012 |
อี ฮยอล | ซ็องจง | 2012 - 2037 |
อี ยุง | ย็อนซันกุน | 2037 - 2049 |
อี ยอก | ชุงจง | 2049 - 2087 |
อี โฮ | อินจง | 2087 - 2088 |
อี ฮวาน | มย็องจง | 2088 - 2110 |
อี ยอน | ซ็อนโจ | 2110 - 2151 |
อี ฮน | ควังแฮกุน | 2151 - 2166 |
อี จง | อินโจ | 2166 - 2192 |
อี โฮ | ฮโยจง | 2191 - 2202 |
อี ยอน | ฮย็องจง | 2202 - 2217 |
อี ซุน | ซุกจง | 2217 - 2263 |
อี ยุน | คย็องจง | 2263 - 2267 |
อี กึม | ย็องโจ | 2267 - 2319 |
อี ซาน | ช็องโจ | 2319 - 2343 |
อี คง | ซุนโจ | 2343 - 2377 |
อี ฮวาน | ฮ็อนจง | 2377 - 2392 |
อี พยอน | ช็อลจง | 2392 - 2406 |
อี มย็อง-บก | โคจง | 2406 - 2440 |
จักรพรรดิและผู้อ้างสิทธิแห่งราชบัลลังก์ราชวงศ์โชซ็อน
[แก้]หลังจากการสถาปนาเป็นจักรวรรดิโชซ็อนของสมเด็จพระเจ้าควังมู (พระเจ้าโคจง) ราชวงศ์โชซ็อนเดิมได้ถูกเปลี่ยนเป็นราชวงศ์อี[ต้องการอ้างอิง] จนกระทั่งถูกญี่ปุ่นยึดครองเมื่อปี ค.ศ.1910 และพ้นจากการปกครองของญี่ปุ่นเมื่อปี ค.ศ. 1945 นำไปสู่การปกครองเกาหลีที่แยกออกเป็น 2 รัฐเนื่องจากสงครามโชซ็อน แต่ก็ยังคงมีการสืบราชบัลลังก์อยู่จนถึงปัจจุบันในประเทศเกาหลีใต้ซึ่งปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยแบบสาธารณรัฐ
พระนามาภิไธย | พระนามเมื่อครองราชย์ | พระนามหลังการสวรรคต | ปีที่ครองราชย์ (พ.ศ.) |
---|---|---|---|
อี มย็อง-บก | สมเด็จพระราชาโคจง | สมเด็จพระจักรพรรดิโคจง | 2440 - 2450 |
อี ชอก | สมเด็จพระราชาซุนจง | สมเด็จพระจักรพรรดิซุนจง | 2450 - 2453 |
อี อึน | เจ้าชายยอง มกุฎราชกุมารแห่งโชซ็อน | เจ้าชายอุยมิน มกุฎราชกุมารแห่งโชซ็อน | 2453 - 2513 |
อี กู | เจ้าชายกูแห่งโชซ็อน | เจ้าชายโฮอุนแห่งโชซ็อน | 2513 - 2548 |
อี วอน | เจ้าชายวอน รัชทายาทแห่งโชซ็อน | - | 2548 - ปัจจุบัน |
ฐานันดรศักดิ์ราชวงศ์โชซ็อน
[แก้]สมัยอาณาจักรโชซ็อน
[แก้]- วัง (
王 왕), คือฐานันดรศักดิ์สำหรับพระเจ้าแผ่นดินแห่งโชซ็อน, ขานแทนพระนามว่า ชอนฮา (殿下 전하) หรือ"มามา" (媽媽 마마) ก่อนจะมีการเรียกแทนพระนามพระเจ้าแผ่นดินว่า "ชอนฮา" มีการใช้คำว่า "'นารันนิม"' (나랏님) และ "'อิมกึม"' (임금) ซึ่งเป็นภาษาพูด มีฐานันดรศักดิ์สำหรับอดีตพระเจ้าแผ่นดิน เรียกว่าซอนแดวัง (先 大王 선대왕 ) ; แดวัง (大王 대왕) หรือมหาราช สำหรับพระเจ้าแผ่นดินผู้ทรงคุณงามความดีแก่แผ่นดิน ; คุกวัง (國王 국왕) ใช้ขานแทนพระนามราชทูตจากต่างแผ่นดิน
การกล่าวถึงพระเจ้าแผ่นดินในฐานะบุคคลที่สามสำหรับฝ่ายใน มักขานแทนพระนามว่า "กึมซาง" (
- วังบี (
王妃 왕비), คือฐานันดรศักดิ์สำหรับพระมเหสีแห่งโชซ็อน, ขานแทนพระนามว่า มามา (媽媽 마마) หรือ ชุงกุงจอน/ชุงจอน (中宮 殿 중궁전 ชุงกุงจอน หรือ中殿 중전 ชุงจอน) สำหรับฝ่ายใน ซึ่งหมายถึงพระตำหนักกลางของพระราชวังอันเป็นที่ประทับของพระมเหสี สำหรับพระมเหสีที่ยังคงพระชนม์ชีพอยู่ จะมีฐานันดรศักดิ์วังฮู (王 后 왕후) ต่อท้ายพระนาม - ซังวัง (
上 王 상왕), คือฐานันดรศักดิ์ที่สำหรับพระเจ้าหลวง, ขานแทนพระนามว่า ชอนฮา (殿下 전하 jeonha) หรือ มามา (媽媽 마마) - แดบี (
大 妃 대비 แดบี), คือฐานันดรศักดิ์สำหรับพระมเหสีในอดีตพระราชา พระปิตุจฉาหรือพระบรมราชชนนีในพระราชาองค์ปัจจุบัน, ขานแทนพระนามว่า มามา - วังแดบี (
王 大 妃 왕대비 วังแดบี), คือฐานันดรศักดิ์สำหรับพระมเหสีในอดีตพระราชานับขึ้นไปอีก2ขั้นหรือพระอัยยิกา(ย่า)ในพระราชาองค์ปัจจุบัน, ขานแทนพระนามว่า มามา - แทวังแดบี (
大王 大 妃 대왕대비), คือฐานันดรศักดิ์สำหรับพระมเหสีในอดีตพระราชานับขึ้นไปอีก3ขั้น หรือพระปัยยิกา (ย่าทวด) ในพระราชาองค์ปัจจุบัน, ขานแทนพระนามว่า มามา - แทวอนกุน (
大 阮君 대원군), คือฐานันดรศักดิ์สำหรับพระราชชนกในพระราชาองค์ปัจจุบัน ซึ่งไม่เคยขึ้นครองราชย์ - พูแดบูอิน (
府 大 夫人 부대부인) คือฐานันดรศักดิ์สำหรับพระชายาในพระราชชนก (ซึ่งไม่เคยขึ้นครองราชย์) ของพระเจ้าแผ่นดิน - พูวอนกุน (
府 院 君 부원군) คือฐานันดรศักดิ์สำหรับพระบิดาในพระมเหสี - พูบูอิน (
府 夫人 부부인) คือฐานันดรศักดิ์สำหรับพระมารดาในพระมเหสี - คุน (
君 군) คือฐานันดรศักดิ์สำหรับพระราชโอรสประสูติแต่พระสนม หรือพระโอรสในพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ (แดกุน), ขานแทนพระนามว่า อากีซี (아기씨) ก่อนทรงเข้าพิธีมงคลสมรส และ "แดกัม" (大 監 대감) หลังเข้าพิธี - คุนบูอิน (
郡 夫人 군부인) คือฐานันดรศักดิ์สำหรับพระชายาใน"กุน" - แทกุน (
大君 대군) คือฐานันดรศักดิ์สำหรับพระราชโอรส ประสูติแต่พระเจ้าแผ่นดินกับพระมเหสี, ขานแทนพระนามว่า อากีซี (아기씨) ก่อนทรงเข้าพิธีมงคลสมรส และ "แดกัม" (大 監 대감) หลังเข้าพิธี พระโอรสใน"แดกุน" จะมีฐานันดร"กุน" - พูบูอิน (
府 夫人 부부인) คือฐานันดรศักดิ์สำหรับพระชายาใน"แดกุน" - วอนจา (
元子 원자) คือฐานันดรศักดิ์สำหรับพระราชโอรสองค์แรก ประสูติแต่พระเจ้าแผ่นดินกับพระมเหสี (หรือประสูติแต่พระสนมในบางกรณี) ก่อนได้รับการเลื่อนพระอิสริยยศเป็นรัชทายาท, ขานแทนพระนามว่า มามา (媽媽 마마) - วังเซจา (
王 世子 왕세자) คือฐานันดรศักดิ์สำหรับพระรัชทายาท หรือเรียกฐานันดรอย่างลำลองว่า เซจา (世子 세자) , ขานแทนพระนามว่า จอฮา (邸 下 저하) หรือขานแทนพระนามโดยลำลอง (ซึ่งเรียกพระนามโดยปรกติโดยฝ่ายใน) ว่า ตงกุง (東宮 동궁-ตำหนักบูรพา) หรือ ชุงกุง (春宮 춘궁) ซึ่งแปลว่าตำหนักทิศตะวันออกอันเป็นที่ประทับของพระรัชทายาท; สมาชิกราชวงศ์ที่มีพระอิสริยยศสูงกว่า มักขานฐานันดรอย่างลำลองและขานแทนพระนาม"มามา (媽媽 마마) - วังเซจาบิน (
王 世子 嬪 왕세자빈) คือฐานันดรศักดิ์สำหรับพระชายาในพระรัชทายาท ("วังเซจา") หรือเรียกฐานันดรอย่างลำลองว่า เซจาบิน (世子 嬪 세자빈) ขานแทนพระนามว่า มาโนรา หรือ "มานูรา" (마노라 manora หรือ 마누라 manura) ภายหลังจากที่ราชสำนักได้รับอิทธิพลจาก"ตระกูลคิมจากอันดง" ทำให้การขานแทนพระนามเกิดความสับสน และหันไปขานแทนพระนามวังเซจาบินว่า "มามา" (媽媽 마마) - คงจู (
公主 공주) คือฐานันดรศักดิ์สำหรับพระราชธิดา ประสูติแต่พระเจ้าแผ่นดินกับพระมเหสี, ขานแทนพระนามว่า อากีซี (아기씨) ก่อนทรงเข้าพิธีมงคลสมรส และ "จากา" (자가) หลังเข้าพิธี - องจู (
翁 主 옹주) คือฐานันดรศักดิ์สำหรับพระราชธิดา ประสูติแต่พระเจ้าแผ่นดินกับพระสนม, ขานแทนพระนามว่า อากีซี (아기씨) ก่อนทรงเข้าพิธีมงคลสมรส และ "จากา" (자가) หลังเข้าพิธี - วังเซเจ (
王 世 弟 왕세제) คือฐานันดรศักดิ์สำหรับพระอนุชาในพระเจ้าแผ่นดิน ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นพระอนุชารัชทายาทในกรณีที่พระเจ้าแผ่นดินพระองค์นั้นไม่มีพระโอรส - วังเซซน (
王 世 孫 왕세손) คือฐานันดรศักดิ์สำหรับพระโอรสประสูติแต่พระรัชทายาท ("วังเซจา") และพระชายาในพระรัชทายาท ("วังเซจาบิน") หรือพระนัดดาชายในพระเจ้าแผ่นดิน , ขานแทนพระนามว่า ฮัปอา (閤 下 합하)
สมัยจักรวรรดิเกาหลี
[แก้]- ฮวางเจ (
皇帝 , 황제, สมเด็จพระจักรพรรดิ) คือฐานันดรศักดิ์สำหรับสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโชซ็อน, ขานแทนพระนามว่า พเย-ฮา (陛下 폐하) ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท สมเด็จพระจักรพรรดิพระองค์แรกคือสมเด็จพระจักรพรรดิควังมู - ฮวางฮู (
皇后 , 황후, สมเด็จพระจักรพรรดินี) คือฐานันดรศักดิ์สำหรับสมเด็จพระจักรพรรดินี (พระมเหสี) แห่งจักรวรรดิโชซ็อน สมเด็จพระจักรพรรดินีพระองค์แรกคือสมเด็จพระจักรพรรดินีเมียงซอง - ฮวางแทฮู (
皇太后 , 황태후, สมเด็จพระราชชนนีพันปีหลวง) คือฐานันดรศักดิ์สำหรับสมเด็จพระจักรพรรดินี (พระมเหสี) ในสมเด็จพระจักรพรรดิองค์ก่อนหน้า หรือพระบรมราชชนนีในสมเด็จพระจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน - แทฮวางแทฮู (
太皇太后 , 태황태후, สมเด็จพระอัยยิกาเจ้า) คือฐานันดรศักดิ์สำหรับสมเด็จพระจักรพรรดินี (พระมเหสี) ในสมเด็จพระจักรพรรดิองค์ก่อนหน้านับขึ้นไป 2 ขั้น หรือพระอัยยิกา (ย่า) ในสมเด็จพระจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน - ฮวางแทจา (
皇太子 , 황태자, มกุฎราชกุมาร) คือฐานันดรศักดิ์สำหรับพระรัชทายาท ขานแทนพระนามว่า "ชอนฮา" (殿下 전하) - ฮวางแทจาบี (
皇太子 妃 , 황태자비, เจ้าหญิงมกุฎราชกุมารี พระวรชายา) คือฐานันดรศักดิ์สำหรับพระวรชายาในพระรัชทายาท หรือมกุฎราชกุมาร - ชินวัง (
親王 , 친왕, เจ้าฟ้าชาย) คือฐานันดรศักดิ์สำหรับเจ้าชาย หรือพระราชโอรสประสูติแต่สมเด็จพระจักรพรรดิกับสมเด็จพระจักรพรรดินี - ชินวังบี (
親王 妃 , 친왕비, เจ้าหญิง พระชายา) คือฐานันดรศักดิ์สำหรับพระชายาในเจ้าชาย หรือพระชายาในพระราชโอรสประสูติแต่สมเด็จพระจักรพรรดิกับสมเด็จพระจักรพรรดินี - กงจู (
公主 , 공주, เจ้าหญิงชั้นเอก) คือฐานันดรศักดิ์สำหรับพระราชธิดา ประสูติแต่สมเด็จพระจักรพรรดิกับสมเด็จพระจักรพรรดินี - องจู (
翁 主 , 옹주, เจ้าหญิงชั้นโท) คือฐานันดรศักดิ์สำหรับพระราชธิดา ประสูติแต่สมเด็จพระจักรพรรดิกับพระสนม
ดูเพิ่ม
[แก้]แหล่งอ้างอิงและเชิงอรรถ
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 아틀라스 한국사 편찬위원회 (2004). 아틀라스한국사. 사계절. p. 108. ISBN 8958280328.
- ↑ "조선력사 시대구분표". Naenara (ภาษาเกาหลี). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-07-01. สืบค้นเมื่อ 1 July 2019.
- ↑ "Korean History in Chronological Order". Naenara. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-07-01. สืบค้นเมื่อ 1 July 2019.
- ↑ "Chosŏn dynasty | Korean history". Encyclopedia Britannica (ภาษาอังกฤษ). Encyclopædia Britannica, Inc. สืบค้นเมื่อ 10 February 2019.
- ↑ Women Our History. D.K. 2019. p. 82. ISBN 9780241395332.
- ↑ Li, Jun-gyu (이준규) (22 July 2009). (세상사는 이야기) 왜색에 물든 우리말-(10) (ภาษาเกาหลี). Newstown.
1392년부터 1910년까지 한반도전역을 통치하였던 조선(
[ลิงก์เสีย]朝鮮 )은 일반적으로 조선왕조(朝鮮 王朝 )라 칭하였으며, 어보(御寶 ), 국서(國書 )등에도 대조선국(大 朝鮮 國 )이라는 명칭을 사용하였었다. (translation) Joseon which had ruled from 1392 to 1910 was commonly referred to as the "Joseon dynasty" while "Great Joseon" was used in the royal seal, national documents, and others. - ↑ "조선". 한국민족문화대백과.